ห่างหายไปนานเลยกับบทความใน Category Blog พอดีเมื่อวันก่อนผมรีวิวแผนการเงินของตัวเองสำหรับค่าใช้จ่ายลูก (ปัจจุบันอายุ 3 เดือน 👶🏻) โดยมีรายได้ส่วนนึงมาจากสิทธิสวัสดิการประกันสังคม คือ ค่าคลอดบุตร 15,000 บาทและ กรณีสงเคราะห์บุตร เดือนละ 800 บาท (ซึ่งจะได้รับจนถึงอายุ 6 ปี)
ซึ่งผมเองได้ทำเรื่องเบิกสิทธินี้ตั้งแต่เดือนแรกที่ลูกเกิดเลย และคิดว่าจะนำเงินนี้มาลงทุนเพื่อให้เค้าในอนาคต
ทีนี้ระหว่างคิดตัวเลขไปคร่าว ๆ ก็ลองคำนวณเล่น ๆ ดูว่า ถ้าหากเรานำเงินก้อนนี้มาลงทุนให้ลูก แล้วปล่อยให้มันเติบโตไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเค้าเกษียณเงินก้อนนี้จะโตไปเป็นเท่าไหร่
โดยสมมติฐานที่ผมตั้งไว้ก็คือ นำเงินค่าคลอดบุตร 15,000 บาท เป็นเงินลงทุนตั้งต้น และสะสมเงินสงเคราะห์บุตรเดือนละ 800 บาท (ปีละ 9,600 บาท) มาลงทุนในทุก ๆ สิ้นปี เป็นเวลา 6 ปี ด้วยอัตราผลตอบแทนคาดหวัง 10% ต่อปี จากนั้นปล่อยให้มันเติบโตไปเองเรื่อย ๆ โดยไม่ใส่เงินเพิ่มเลย จนกระทั่งเค้าอายุ 60 ปี (เกษียณนั่นเอง) มาดูว่าเงินก้อนนี้จะสามารถโตไปได้ขนาดไหน
จากการคำนวณดูใน Excel พบว่า
เงินก้อนนี้สามารถโตไปได้ถึง 16 ล้านได้เลย !! 🤩🤩
ซึ่งการเติบโตด้วยอัตราผลตอบแทนคาดหวัง 10% ต่อปีนั้น ในทางปฏิบัติอาจจะไม่สามารถทำได้ในทุก ๆ ปี แต่ด้วยระยะเวลาที่ยาวมาก ๆ รวมถึงเงินนี้ที่มาลงทุนมาจากสวัสดิการรัฐซึ่งเราอาจจะมองว่าสามารถนำมาลงทุนในความเสี่ยงสูง ๆ ได้ เพียงแต่ว่าจำเป็นต้องมีศึกษาเพิ่มเติม ทำความเข้าใจในการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงสูง รวมถึงการมีวินัยและความมั่นคงทางจิตใจมาเข้าสู้ ผมเชื่อว่าโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ต่อปีนั้นก็เป็นเรื่องที่สามารถเป็นไปได้เช่นกัน 🙂
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเงินก้อนนี้ หากคิดมูลค่าเป็นมูลค่าปัจจุบัน (ด้วยสมมุติฐานอัตราเงินเฟ้อ 3%) ก็จะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านกว่าบาท
ซึ่งถ้าคิดเป็นมูลค่าในอนาคตมันอาจจะไม่มากในการเลี้ยงชีพ แต่ก็ถือว่าเป็นวิธีการสร้างมรดกรูปแบบนึงจากสวัสดิการของภาครัฐ ใครสนใจลองศึกษาเพิ่มเติมดูได้นะครับ
สุดท้ายนี้จะเห็นได้ว่า การเริ่มต้นออมและลงทุนตั้งแต่ต้นย่อมได้เปรียบกว่า และแม้ว่าผลตอบแทนเฉลี่ยที่เราได้จะน้อยกว่า 10% ต่อปี แต่อย่างน้อยมูลค่าของมันจะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อลงทุนด้วยความรู้และผ่านกาลเวลาที่ยาวพอ เพราะจริง ๆ แล้วเวลามีค่ามากกว่า 24 ชั่วโมง 🙂